หนังฝรั่ง Red Notice รับชมได้ที่ Netflix
Red Notice เป็นหนังจารกรรมอีกเรื่องหนึ่งของ Netflix ที่มีคนดูเยอะมาก และติด Top10 นานสองเดือน ถือว่ายากนะสำหรับหมวดหนังที่มีความยาวเพียง 2-3 ชั่วโมง ดูรวดเดียวก็จบไม่เหมือนซีรีย์ ตอนดูก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก ตอนแรกกะจะไม่ดูด้วยซ้ำ เพราะเสียงวิจารณ์ในเชิงลบหนาหู แต่พอดูมันก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น
เครดิตภาพจาก Netflix Thailand
หนังพูดเรื่องการจารกรรมงานศิลป์ในพิพิธภัณฑ์อย่างไข่คลีโอพัตรา พล็อตแบบนี้ก็สไตล์หนังพวกโอเชี่ยนหรือหนังเฉินหลงนี่แหละ ไม่มีอะไรใหม่ แต่จุดยืนของเรื่องนี้ไม่ได้ตั้งใจจะให้จารกรรมอะไรซับซ้อน มันเป็นหนังจารกรรมแบบ old school ที่มีการแฮ็กรหัสผ่านประตู มีการแหกคุก ร่วมมือกันระหว่างโจรกับตำรวจถูกใส่ร้าย แต่ก็ยังดูได้เพลิน ๆ ถ้าไม่คิดอะไรมากว่าจะต้องสนุกแบบหนังดี เพราะมันไม่ได้ตอบโจทย์นั้นอยู่แล้ว เสิร์ฟคนที่ชอบความบันเทิงแบบง่าย ๆ เบาสมอง
เครดิตภาพจาก Netflix Thailand
ทีนี้ความผิดพลาดของ Red Notice ก็คือความพยายามจะขายคู่หูของโนแลน บูธ จอมโจร catch me if you can (ไรอัน เรย์โนลด์) กับเจ้าหน้าที่ฮาร์ทลี่ย์ ตำรวจเอฟบีไอ (ดเวย์น จอห์นสัน) คู่นี้เล่นได้ไม่เข้ากันเลย จอมโจรก็จะ alert พูดเร็ว ตำรวจทำหน้าเฉย ตีหน้ามึนใส่ ไม่รู้ว่าตั้งใจให้บุคลิกแตกต่างไหม แต่ด้วยเรื่องของมุกด้วย มุกที่โนแลน บูธเล่นมันแป้กมาก ฮากริบแบบกู่ไม่กลับ มุกที่บอกว่าไม่ได้ขโมยภาพสาวหมวกแดง แต่ภาพอยู่ที่บ้าน เราขำไม่ออกเพราะรู้สึกว่าคิดได้แค่นี้ อย่างมุกที่โจรแกล้งให้ตำรวจถูกอัดเพราะป่าวประกาศว่าเขาเป็นตำรวจ นักโทษจะได้หมั่นไส้ อันนี้ไม่ชอบแต่ว่ามันมีเหตุผลในการเบี่ยงเบนความน่าสนใจคนดู ทำให้คนดูฝังใส่สมองว่าตำรวจคนนี้เป็นคนดี จนนำไปสู่การหักมุมหัวทิ่มในตอนจบ
เครดิตภาพจาก Netflix Thailand
เราชอบการที่มีโจรอีกคน คือ บิชอป (กัล กาด็อต) คือเป็นโจรที่มาปล้นโจรอีกที บิชอปเป็นโจรสาวที่ใส่ร้ายฮาร์ทลี่ย์ว่าขโมยไข่คลีโอพัตราที่เป็นของกลางไป ทำให้ต้องไปเป็นรูมเมทคุกกับโนแลน บูธ ตัวบิชอปเองก็เป็นตัวทำลายอีโก้ของโนแลนที่อยากเป็นโจรเบอร์หนึ่งเพราะปมเรื่องพ่อในวัยเด็ก ปมเรื่องพ่อนี่ก็ดูเหมือนจะมีอะไรแต่ไม่มี ใส่มาก็ไม่ได้ลึกมากขึ้น สามคนนี้ก็มาร่วมมือกันแบบงง ๆ Red Notice มาในคอนเซ็ปต์มิตรภาพกับการหักหลังสไตล์เดิม ๆ และก็ยังหนีได้ต่อไปให้ทำภาคต่อได้อีกหลาย ๆ ภาคเลยล่ะ
ไม่สนุกจัด แต่ก็ไม่ได้แย่อะไรนะ คุณภาพอยู่ระดับมาตรฐานหนังแอ็กชันทั่วไปที่ฉายโรง แค่ไม่ตอบโจทย์คนที่ชอบดูหนังที่ต้องมีประเด็นลึก ๆ ที่ต้องสนุกแบบมีสาระ เพราะมันไม่มีสาระเลย
ขอบคุณภาพปกจาก Netflix