หนังฝรั่ง The Guilty ชมได้ที่ Netflix
The Guilty เป็นหนังบนเน็ตฟลิกซ์ที่น่าสนใจทีเดียวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะคนที่มารับบทนำก็คือ เจค จิลเลนฮาล ซึ่งเราเคยประทับใจการแสดงของเขาจากหนังเรื่อง Stronger หัวใจไม่แพ้ ที่เขารับบทเป็นชายพิการ หรือถ้าใครไม่ได้ติดตามหนังเรื่องดังกล่าว ก็อาจจะรู้จักเขาจากหนัง LGBT คลาสสิกอย่าง Brokeback Mountain การที่ The Guilty ได้เจคมาเป็นพระเอกก็ดึงดูดความสนใจได้ดี
เครดิตภาพจาก Netflix
แต่ก็มีหนังหลายเรื่องที่ถ้าบทไม่ถึงก็จะเป็นการทำร้ายตัวนักแสดง เรื่อง The Guilty เป็นหนังที่มีของดีอยู่เยอะมาก ทำให้เราอยากรู้อยู่ตลอดว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ตัวหนังค่อนข้างเงียบ ไม่มีเพลงประกอบ แต่ด้วยบุญกุศลของการมีบทที่คมคาย และการแสดงของเจค จิลเลนฮาลที่ดูหัวร้อนแบบสมจริงมาก ๆ เขาดูเหมือนคนที่เก็บกดความรู้สึกอยู่ภายใน อดทนต่อปัญหารุมเร้าของตัวเองเพื่อจะให้บริการคนที่มาขอความช่วยเหลือทางโทรศัพท์ ถ้าบทไม่ดี นักแสดงเล่นไม่ถึง ก็อาจจะมีการหยุดดูกลางคันเสียง่าย ๆ แต่นี่ไม่เลย การที่ไม่มีเพลงบิวด์อารมณ์นั้นกลับทำให้เราเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ของพระเอกได้ง่ายขึ้น รู้สึกเหมือนได้แอบไปอยู่ในห้องศูนย์รับเรื่องฉุกเฉิน 911 อยู่ใกล้ ๆ แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากเอาใจช่วย
The Guilty เลือกที่จะเล่าชีวิตของตำรวจโจ เบย์เลอร์ (เจค จิลเลนฮาล) ที่เป็นโอเปอเรเตอร์รับเรื่องราวของประชาชนผู้เดือดร้อน ประจำหน่วย 911 หรือบ้านเราก็คือ 191 เขาต้องง่วนอยู่กับการรับโทรศัพท์ตลอดเวลา และความน่าสงสารของโจก็คือเขาต้องทำงานกะดึก ทำให้ไม่มีเวลาให้ลูกและภรรยา จะเห็นได้ว่าโจแยกกันอยู่กับภรรยา ความสัมพันธ์ไม่ค่อยดี และไม่ได้สิทธิ์เลี้ยงดูลูก กว่าจะเลิกงานลูกก็นอนไปแล้ว ดังนั้นเมื่อมีเด็กวัยรุ่นที่โทรมาป่วนด้วยเรื่องขี้หมูขี้หมา โจก็ถึงกลับหัวเสีย เพราะเขาคิดว่าระหว่างที่เขาเสียเวลาคุยกับคนที่โทรมาแกล้ง อาจมีคนที่ต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ อยู่ระหว่างความเป็นความตายทุกวินาที
เครดิตภาพจาก Netflix
แล้วก็มีโทรศัพท์สายหนึ่งติดต่อมาเป็นของผู้หญิงที่ถูกสามีเก่าลักพาตัว ทำให้โจสติแตกมาก ๆ เพราะคนที่รับเรื่องต่อจากเขาก็ล้วนเป็นคนที่เฉื่อยแฉะ ให้ตามหารถที่มีทะเบียนเลขนั้นนี้ก็ไม่ค่อยอยากทำ เหตุการณ์ยิ่งตึงเครียดไปอีกเมื่อลูกสาวของผู้หญิงคนนั้นโทรมาว่าอยู่บ้านคนเดียว พ่อพาแม่ไปไหนไม่รู้ โจก็เป็นห่วงเด็ก จึงสั่งให้พวกพ้องตำรวจช่วยไปดูแลเด็กน้อยถึงบ้าน
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดในหน่วย 911 อย่างเดียว ก็คือเราจะได้ยินเพียงเสียงจากสายโทรศัพท์ของโจเท่านั้น วิธีการเล่าแบบนี้ทำให้เรื่องดิ้นได้เยอะ และมีจุดหักมุมที่คาดไม่ถึง แต่ก็เป็นการหักมุมที่ฉลาด จริง ๆ เหตุการณ์มันมีความเป็นไปได้ที่จะมาทรงนี้ แต่คนเล่าก็เก่งพอที่จะสร้างสถานการณ์ให้เราเชื่อไปอีกทางหนึ่ง เรียกว่ามาให้หลอกซะดี ๆ
The Guilty เล่าเรื่องได้กระชับดี แต่ตอนเฉลยปมของโจไม่ค่อยอิมแพคเท่าไหร่ ตอนแรกเหมือนจะใบ้ว่าพระเอกต้องไปขึ้นศาลในวันพรุ่งนี้ และมีนักข่าวอยากจะสัมภาษณ์ แต่ว่าด้วยมีจุดพีคกว่าเกิดก่อน ทำให้เราเดาปมได้ทันทีก่อนจะเฉลย ส่วนที่เราชอบที่สุดของเรื่องนี้ก็คือเพื่อนร่วมงานของพระเอกได้ให้กำลังใจพระเอกว่าคนที่สิ้นหวังอย่างพระเอกเท่านั้นที่จะช่วยชีวิตคนสิ้นหวังได้ ก็เหมือนกับคนที่เคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่มืดแปดด้านมาก่อนก็จะเข้าใจคนแบบเดียวกันและรู้วิธีเกลี้ยกล่อมคนคนนั้นให้ไม่คิดสั้นได้
คนที่ชอบหนังแนวทริลเลอร์ลุ้น ๆ แนวสืบสวน ต้องไม่พลาด The Guilty เพราะสนุกจริง ๆ 10/10 ถ้าตั้งใจจะดูเรื่องนี้ ขอแนะนำว่าอย่าหาเรื่องย่ออ่านและรู้ให้น้อยที่สุด เพราะความที่คุณไม่รู้อะไรเลยคือความสนุกของเรื่องนี้ ดูแบบสบาย ๆ ไม่ต้องเดาเลย แต่ถ้าใครอยากเป็นโคนัน ลองคลี่คลายคดีก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด
ขอบคุณภาพปกจาก Netflix
